นอกเหนือไปจากเทคนิคการถ่ายภาพแบบต่างๆ และมุมมองของช่างภาพที่ต้องเฉียบคมแล้ว การเลือกโหมดถ่ายภาพ ที่เหมาะสมก็สำคัญเหมือนกัน โดยเฉพาะมือใหม่ที่พึ่งเริ่มเก็บภาพในระยะแรก จะใช้โหมดออโต้อย่างเดียวกับภาพทุกประเภทไม่ได้ ลองมาทำความเข้าใจการใช้งานแต่ละโหมดกันก่อน จะได้เลือกปรับเปลี่ยนในแต่ละช่วงจังหวะตามความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มาดูกันว่า การเลือกโหมดถ่ายภาพ นั้นควรเลือกอย่างไร

การเลือกโหมดถ่ายภาพ

โหมด PORTRAIT

โหมดถ่ายภาพยอดนิยมที่ถูกเลือกใช้บ่อยมาก เรียกในชื่อภาษาไทยว่าโหมดภาพบุคคล ก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยากว่ากล้องจะปรับคุณสมบัติโดยรวมให้เหมาะกับการเก็บภาพคนเป็นหลัก คือให้รูรับแสงมีค่า f น้อยๆ หรือเปิดให้รูรับแสงเข้ามาได้มากที่สุด เพื่อให้คนในภาพมีความคมชัดขณะเดียวกันก็ละลายพื้นหลังให้เล็กน้อย โทนสีของภาพก็จะดูสว่าง และในกล้องรุ่นใหม่ๆ ก็อาจจะมีฟังก์ชันเสริมเกี่ยวกับความงามของใบหน้ามาให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การถ่ายภาพบุคคลก็ไม่จำเป็นต้องใช้โหมดนี้เสมอไป แล้วแต่สิ่งที่เราต้องการสื่อสารผ่านภาพด้วย

การเลือกโหมดถ่ายภาพ สำคัญอย่างไร

โหมด SPORT 

แกนหลักของภาพถ่ายประเภทกีฬาก็คือ มันจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ดังนั้นโหมดถ่ายภาพอันนี้ก็เลยจะปรับคุณสมบัติกล้องให้สามารถจับภาพที่ไม่อยู่นิ่งได้ดี นั่นคือมุ่งเป้าไปที่ความเร็วของชัตเตอร์เป็นหลัก เพื่อให้จับภาพได้เร็วพอกับสิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าถ้าไม่ได้ปรับอย่างอื่นเพิ่มเติม ก็คงจะไม่อาจถ่ายภาพกีฬาที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ แต่ยังถือว่าเป็นโหมดที่เหมาะกับมือใหม่ เอาไว้สำหรับฝึกถ่ายการเคลื่อนไหวที่ไม่เร็วมากไปก่อน 

การเลือกโหมดถ่ายภาพ ให้ดี

โหมด MACRO 

ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชัด นี่เป็นคุณสมบัติของโหมดถ่ายภาพแบบนี้ เน้นเอาไว้ถ่ายภาพสิ่งของที่มีขนาดเล็กมากๆ ซึ่งถ้าใช้โหมดอื่นมันจะทำให้ภาพเบลอ และมีขีดจำกัดในระยะการเก็บภาพอยู่บ้าง ขณะที่โหมดมาโครนี้สามารถบันทึกรายละเอียดเอาไว้ได้เกือบครบถ้วน เช่น เส้นขน ลวดลาย เป็นต้น เหมาะกับมือใหม่ที่อยากถ่ายสัตว์หรือพืชขนาดเล็ก แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องปรับกล้องด้วยตัวเองที่ตรงไหนบ้าง ก็ฝึกหามุมมองจากโหมดนี้ไปก่อนได้

ฝากติดตามผลงานของช่างภาพที่เเสดงผลงานได้ทางเว็บไซต์ หรือ คลิก > เทคนิคการถ่ายรูปให้สวย และบทความที่น่าสนใจด้านล่างครับ

เลือกโหมดถ่ายภาพอย่างไรให้เหมาะกับสถานการณ์